Monthly Archives: November 2012

Calla(1999)


24 ธันวาคม 1995 เริ่มด้วยเหตุการณ์คนร้ายจับตัวผู้หญิงเป็นตัวประกัน ซุนวูพยายามจะเข้าไปช่วยผู้หญิงแต่ไม่ทัน 3 ปีต่อมาในวันที่ 23 ธันวาคมซุนวูนั่งอยู่ในรถแท็กซีมองไปที่รถเมล์แล้วก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อน ซุนวูเจอจีซี(แต่ยังไม่รู้จักชื่อ)บนรถเมล์ ซุนวูได้รับดอกคอลลาวางไว้ที่โต๊ะทำงานทุกวันแต่ไม่รู้ว่าใครส่งมาให้ ซุนวูกลับมาวาดรูปจีซี ซุนวูไปที่ร้านดอกไม้เจอจีซีที่ร้านก็เลยคิดว่าเป็นจีซีที่ส่งดอกไม้ให้ ซุนวูซื้อดอกคอลลาจีซีติดสายเลยให้ซูจินเป็นคนห่อแทน ซุนวูแอบหยิบนามบัตรของจีซีแล้วโทรไปที่ร้านดอกไม้เลยรู้ว่าดอกไม้ชื่อว่าดอกคอลลาและถามเรื่องที่มีดอกไม้ส่งไปที่โต๊ะทำงานทุกเช้า ปลายสายถามว่าไม่สบายใจรึเปล่าซุนวูตอบว่าไม่ วันต่อมาซุนวูได้รับดอกไม้เหมือนเดิมพร้อมการ์ดบอกว่ายินดีทำให้ขอแค่คุณสบายใจก็พอ

ซุนวูขอให้ที่ร้านช่วยแกะสลักรูปจีซีที่ซุนวูเป็นคนวาดลงในล็อคเก็ตให้ ซุนวูไปที่ร้านดอกไม้อีกครั้งแต่ไม่เจอจีซีเจอแต่ซูจินซุนวูเลยกลับ ซุนวูส่งจดหมายขอนัดเจอจีซีที่โบสถ์ฝั่งตรงข้ามแต่รอจนมืดจีซีก็ไม่มา ระหว่างนั่งรถกลับก็สวนกับผู้หญิงที่วิ่งผ่านไป ซุนวูต้องไปทำงานต่างประเทศเลยโทรไปที่ร้านดอกไม้เพื่อบอกรัก ปลายสายตอบกลับมาว่าเหมือนกัน ซุนวูขอนัดเจอจีซีที่ร้านอาหารโรงแรมวันคริสมาส พอถึงวันนัดซุนวูไปที่โรงแรมเจอเหตุการณ์จับจีซีเป็นตัวประกัน(ตอนต้นเรื่อง) ซุนวูเจอกล่องของขวัญในนั้นมีสื้อกันหนาวถักเอง ซุนวูไปที่โรงแรมอีกครั้งและเผาการืดที่ได้รับมาทิ้งพร้อมกับวางล็อคเก็ตไว้ที่โต๊ะ พนักงานเอาล็อคเก็ตมาคืนให้ซุนวูที่ลิฟท์ ซุนวูอธิษฐานขอให้ย้อนเวลากลับไปอีกครั้งแล้วก็ทำได้จริง ซุนวูย้อนเวลากลับมาในวันที่ 23 ธันวาคมเมื่อ 3 ปีก่อน การ์ดที่ซุนวูเผาไปแล้วก็ยังอยู่ ซุนวูรีบไปที่ร้านดอกไม้แต่ร้านปิดแล้ว ซุนวูไปตามหาจีซีที่สระว่ายน้ำตามที่มีคนบอกแต่กลับเจอซูจินแทน ซุนวูขอให้ซูจินช่วยหาบ้านของจีซีแต่จีซีออกไปข้างนอก ระหว่างรอซูจินก็นั่งเป็นเพื่อนซุนวู ซุนวูเล่าเรื่องที่หลงรักผู้หญิงที่ร้านดอกไม้ให้ซูจินฟัง จีซีกลับมาพอดีแต่ขึ้นรถไปอีกซุนวูตามไม่ทัน ก่อนแยกกันซูจินให้เบอร์โทรศัพท์ไว้กับซุนวู

ซุนวูนึกขึ้นได้ว่าคนร้ายชื่อมินวุคเลยให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยสืบหาที่อยู่ให้ ซุนวูไปที่บ้านมินวุคแต่ไม่เจอ ซุนวูได้เบอร์มินวุคเลยโทรไปนัดขอซื้อยา ซุนวูไปที่บาร์เจอมินวุคมากับลูกน้องแต่มินวุคจับได้ว่าซุนวูโกหกเรื่องซื้อยาเลยซ้อมซุนวูจนหมดสติแล้วขับรถออกไป ซุนวูฟื้นที่โรงพยาบาลเจอซูจินที่มาเฝ้าอยู่(เบอร์ซูจินอยู่ในกระเป๋าซุนวู) ซุนวูรีบร้อนออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปช่วยซูจินโดยไม่สนใจซูจิน ตรงนี้หนังแฟลชแบ็คกลับไปซูจินต่างหากที่เป็นคนแอบชอบซุนวูและส่งดอกไม้ให้ซุนวู ทั้งสองคนเจอกันบ่อยมากแต่ซูจินไม่เคยอยู่ในสายตาของซุนวูเลยซักครั้ง เสื้อกันหนาวก็เป็นของซูจิน(รีบซ่อนไว้ข้างหลังวันที่ซุนวูไปหาจีซีที่ร้านแล้วไม่เจอ) วันที่นัดแล้วคลาดกันผู้หญิงที่วิ่งสวนรถของซุนวูไปก็คือซูจิน วันที่ซุนวูบอกรักซูจินเสียใจและสับสนมากเพราะก่อนวางสายซุนวูขอนัดเจอที่โรงแรมแต่พูดชื่อจีซีก่อนวาง นั่นก็แปลว่าผู้หญิงที่ซุนวูบอกรักคือจีซี แล้วเหตุการณ์ก็มาลรรจบกันตรงที่ซุนวูมาขอให้ซูจินช่วยหาบ้านของจีซี

ซุนวูยังไม่ละความพยายามไปดักรอที่โรงแรมและแอบตามมินวุคไปที่ห้อง ซุนวูต่อสู้กับมินวุคสุดท้ายซุนวูถูกคนทำร้ายจากด้านหลังซึ่งก็คือจีซี เรื่องของเรื่องคือจีซีเป็นแฟนกับมินวุค ตำรวจตามมามินวุคเลยจับจีซีเป็นตัวประกัน ซุนวู(ที่ยังไม่รู้ว่าจีซีเป็นแฟนมินวุค)รีบตามขึ้นไป ซุนวูเข้าไปเจรจากับมินวุคแต่กลายเป็นจีซีปกป้องมินวุคด้วยการขู่จะกระโดดจากตึก ระหว่างจีซีห้ามมินวุคที่กำลังคลั่งก็พลาดถูกมินวุคแทง มินวุคตกใจเลยกระโดดตึกไปพร้อมร่างของจีซี ซุนวูได้แต่ยืนงงกับสายตาและคำพูดที่จีซีพูดกับมินวุค ซูจินหอบดอกไม้ไปที่โรงแรม ซุนวูลงลิฟท์พร้อมกับซูจิน คนอื่นๆออกไปหมด ซุนวูเริ่มคิดได้ว่าผู้หญิงที่ส่งดอกไม้ให้ไม่ใช่จีซีแต่เป็นซูจิน สุดท้ายเหลือซุนวูอยู่ในลิฟท์คนเดียว<<ประมาณว่ากลับมาสู่ปัจจุบันพร้อมบาดแผล

ซุนวูไปที่ร้านดอกไม้แต่ร้านเลิกกิจการไปแล้ว ซุนวูกลับมาใช้ชีวิตปกติแล้วก็เจอร้านดอกไม้(พร้อมเพลงที่เคยเปิดช่วงได้รับดอกไม้) ซุนวูยืนดูแต่คนขายไม่ใช่ซูจิน ซุนวูวิ่งฝ่าสายฝนไปเรื่อยๆก็สวนกับซูจิน ทั้งคู่หันมาพร้อมกัน ซุนวูถามหาดอกคอลลาแล้วหนังก็จบพร้อมเพลงประกอบเพราะๆ

ตอนแรกงงๆกะไทม์ไลน์นิดหน่อย ย้อนดูเพิ่งเก็ทว่าพระเอกนั่งบนแท็กซีถือล็อคเก็ตแล้วนึกย้อนกลับไปตอนที่เจอกับจีซีก็พอเข้าใจได้ เออมันก็ไม่พาราด็อกซ์เนอะ เพราะเค้าใส่รายละเอียดไว้ในเหตุการณ์ต่างๆแล้วมันมาบรรจบกันได้ พยายามหาจุดจับผิดแต่มันก็มีเหตุผลที่อธิบายได้อยู่

ATM(2012)


เริ่มเรื่องมาเป็นคนกำลังนั่งเขียนแบบบนแผ่นใสหลายๆแผ่นซ้อนๆกัน พอเสร็จก็หยิบเสื้อกันหนาวแบบมีฮูด(มีขนสัตว์นิดๆ)มาสวมทับเสื้อกันหนาวแบบมีฮูดอีกตัวที่ใส่อยู่แล้วออกไป ตัดไปที่เดวิดทำงานบ.ไฟแนนซ์เกี่ยวกับการลงทุน เดวิดถูกลูกค้าโทรมาต่อว่าเรื่องที่ทำให้ขาดทุน คอรีเพื่อนของเดวิดชวนเดวิดไปงานคริสมาสปาร์ตีของบริษัท เดวิดตัดสินใจเข้าไปคุยกับเอมิลีที่เดวิดแอบชอบมานานเพราะเป็นโอกาสสุดท้าย เอมิลีเพิ่งลาออกกำลังจะย้ายไปทำงานที่อื่น เดวิดอาสาขับรถไปส่งเอมิลีที่บ้าน คอรีขอติดรถไปด้วย(แบบที่เดวิดไม่คอ่ยเต็มใจนัก) ระหว่างทางคอรีก็ทำตัวเป็นก้างที่น่ารำคาญมาก คอรีขอให้แวะร้านพิซซาแต่ขอแวะกดเงินสดจากตู้ ATM ก่อน<<<ตู้ATMเป็นแบบห้องกระจกที่ต้องใช้บัตรรูดเพื่อเข้าไปและสามารถเปิดได้เฉพาะจากข้างใน เดวิดจอดรถรอให้คอรีไปกดเงิน คอรีร้องเรียกเดวิดเดวิดเลยต้องตามไปดู เอมิลีไม่อยากรอในรถเลยลงจากรถดึงกุญแจรถแต่ดันล็อครถไม่ได้เพราะรีโมทเสีย เอมิลีตามไปที่ตู้ ATM คอรีบอกว่าแถบแม่เหล็กเสียให้เดวิดกดแทนไปก่อน

พอเสร็จก็เห็นคนใส่เสื้อหนาวมีฮูดยืนอยู่ข้างนอก ทั้งสามคนคุยกันว่าอาจเป็นโจรมาปล้น มีผู้ชายจูงหมาผ่านมาแถวนั้นก็ถูกผู้ร้ายแทงจนตาย พวกเดวิดเริ่มลนลานพยายามทุบตู้ATMเผื่อว่าสัญญาณจะดัง ผู้ร้ายเปิดท้ายรถเดวิดเอากล่องเครื่องมือออกมาแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังตู้เพื่อตัดเครื่องทำความร้อน มีตำรวจขับรถป่านมาแต่ก็ขับผ่านไป เดวิดตัดสินใจวิ่งไปที่รถเพื่อเอาโทรสัพท์ของเอมิลีที่อยู่ในกระเป๋า เดวิดรวบรวมเงินเอมิลีถอดต่างหูให้แล้วคิดได้ว่าคอรีโกหกเรื่องแถบแม่เหล็กเสีย<<ถ้าเสียมันต้องรูดเข้าในห้องกระจกไม่ได้ตั้งแต่แรก เดวิดเอาเงินใส่ซองโยนให้ผู้ร้ายแล้ววิ่งไปที่รถ ผู้ร้ายเก็บซองเงินแล้ววิ่งตามไป เดวิดสตาร์ทรถไม่ได้เพราะผู้ร้ายทำลายสายไฟไว้โทรศัพท์ของเอมิลีก็ไม่มีสัญญาณ เดวิดรีบวิ่งกลับไปที่ตู้ ATM ผู้ร้ายเก็บโทรศัพท์ของเอมิลีโยนใส่ท้ายรถ เอมิลีใช้ลิปสติกเขียน HELP ที่กระจก อากาศเริ่มเย็นขึ้นเพราะฮีทเตอร์ถูกทำลายทั้งสามคนเริ่มเถียงกัน เอมิลีลองกดรหัสกลับหลังเพราะเคยได้ยินว่าเป็นการแจ้งฉุกเฉิน<<<จริงหรอ??? รปภ.ขับรถผ่านมาก็ถูกคนร้ายฆ่าตายไปอีกคน ไม่นานมีผู้ชายใส่เสื้อมีฮูดแบบเดียวกับคนร้ายเปิดประตูเข้ามาเดวิดกับคอรีช่วยกันฆ่าผู้ชายคนนั้นตายแต่มองไปเห็นผู้ร้ายยังอยู่ข้างนอกเลยลองค้นตัวปรากฏว่าคนที่เข้ามาเป็นพนักงานทำความสะอาด

คอรีเอาเสื้อของคนที่ตายมาสวมแล้ววิ่งออกไปแต่ดันชนถูกลวดที่ผู้ร้ายขึงไว้จนล้มขยับตัวไม่ได้ ผู้ร้ายตามมาแทงคอรีที่ท้องเสร็จแล้วผู้ร้ายก็ไปเอาสายดับเพลิงฉีดน้ำเข้าไปในห้องเพื่อให้เดวิดกับเอมิลีหนาวตาย เดวิดสารภาพรักกับเอมิลีทั้งสองคนช่วยกันไปลากคอรีกลับเข้ามาแต่คอรีเสียเลือดมากเกินไปจนตาย คนร้ายเอารถมาขวางประตูขังทั้งสามคนไว้แล้วไปเอาเก้าอี้มานั่งดู น้ำเริ่มท่วมเอมิลีจุดไฟเพื่อให้สปริงเกอร์ทำงานสัญญาณไฟไหม้จะได้ดัง เอมิลีขี่คอเดวิดจุดไฟได้สำเร็จแต่เดวิดดันลื่นเอมิลีหัวฟาดคอหักตาย<<<อะไรจะขนาดนั้น

คนร้ายขับรถพุ่งเข้าใส่ห้องกระจกจนแตก เดวิดเอาขวดเหล้าที่คอรีติดมาด้วยจุดไฟแล้วโยนใส่คนร้ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ตำรวจมาถึงพอดีแต่กลายเป็นว่าคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เป็นศพของรปภ.ที่ถูกฆ่าตายเดวิดถูกตำรวจจับ ระหว่างที่ถูกตำรวจนำตัวไปโรงพักเดวิดเห็นคนที่มายืนดูหนึ่งในนั้นก็มีคนร้ายนั่นแหละถือป้ายที่อยู่ในรถขอเดวิดอยู่ ภาพจากกล้องที่ได้ก็มีแต่ภาพเดวิดที่กำลังพยายามทุบทำลายตู้ATM ภาพตอนฆ่าคนทำความสะอาดและเถียงกับเอมิลี แล้วภาพตัดไปตอนที่เดวิดใช้ถังขยะทุบตู้ หลักฐานทุกอย่างมัดตัวเดวิดตำรวจเจอโทรศัพท์เอมิลีที่ท้ายรถเดวิด ไม่มีภาพคนร้ายปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่เงานั่นหมายถึงทั้งหมดเป็นแผนของคนร้าย(เป็นการจัดฉากแบบเดียวกับตอนต้นเรื่องเป๊ะ) ตัดไปที่คนร้ายเดินกลับไปที่ห้องเดิมตอนต้นเรื่องเก็บแฟ้มหยิบอันใหม่แล้วลงมือวาดแปลนใหม่แบบเดียวกับที่เคยทำ คนร้ายมีข้อมูลกล้อง แผนที่ครบ ที่แท้เส้นที่วาดตอนนั้นคือองศาของกล้องจุดตอ่ไปคือตู้ ATMที่ร้านมินิมาร์ท

ชอบนะ จำกัดนักแสดง+สถานที่แต่ก็น่าติดตามตลอด พล็อตก็เรื่องฉลาดดี สะท้อนนิสัย สันดาน สัญชาตญาณของคนดูแล้วหลายอารมณ์มากตั้งแต่รำคาญเพื่อนพระเอก ลุ้นนิดๆ โรแมนติกเบาๆ แล้วก็เฮ้ย!!! เดจาวูตอนจบกับตอนเปิดเรื่อง….อ๋อมันวนลูปเป็นซีเรียล คิลเลอร์แบบนี้นี่เอง ฯลฯ

รัก 7 ปี ดี 7 หน(2012)


เรื่องแรกเป็นเรื่องของป่วนเปลี่ยนสถานะในเฟซบุคจากโสดเป็นมีแฟนทำให้คนในโรงเรียนพากันสงสัยว่าป่วนคบกับใคร ต่างคนต่างเดากันไป<<ย้อนรอยสาวๆ GTHหลายคน สุดท้ายเพื่อนป่วนก็รู้ว่าเป็นน้องมิลค์ ที่ไปปิ๊งกันตอนเก็บสายไมค์ให้ตอนแสดงละครเวที ป่วนเป็นคนติดโซเชียลเน็ทเวิร์คมากถึงมากที่สุด วันๆแคร์อยู่กับยอดไลค์ยอดวิว ระหว่างที่เดทกับมิลค์ป่วนก็ถ่ายวิดีโอตลอดจนบางครั้งมิลค์แอบรำคาญเพราะป่วนจะต้องกำกับให้ภาพออกมาตามที่ป่วนต้องการ ถ้าไม่ได้ก็ขอให้ถ่ายใหม่ ป่วนทำ MV ให้มิลค์ตอนแรกซ็ทพับบลิคแล้วมิลค์ขอให้เซ็ทเป็นไพรเวท ต่อมาป่วนเซ็ทกลับเป็นพับบลิคอีกครั้งคราวนี้ยอดวิวพุ่งขึ้นเรื่อยๆป่วนก็ยิ่งเคลิ้มไปกับยอดวิวมีการปั่นวิวให้ครบหมื่นด้วยตัวเอง<<< อันนี้ไม่เนียนนะในความเป็นจริงต่อให้มันเปิดหน้าต่างรัวแบบนั้นยอดวิวก็ไม่ขึ้นเพราะใช้ไอพีเดียว

ป่วนเครียดมากกับการที่มีคนมากดดิสไลค์แค่คนเดียว มิลค์เลยเฉลยว่าเป็นคนกดเองเพราะเอ็มวีนั้นป่วนบอกว่าทำให้มิลค์แต่ป่วนดันเอาไปอัพเป็นพับลิค ป่วนกับมิลค์ทะเลาะกันเรื่องที่ป่วนสนใจแต่โซเชียลมากกว่า ป่วนเสียใจสเตตัสซะเวอร์จนมิลค์ใจอ่อนยอมคืนดีด้วย มิลค์เฟซไทม์ร้อมเพลงให้ป่วนฟัง ป่วนอัพคลิปนั้นลงยูทูปยอยวิวเพิ่มขึ้นชั่วข้ามคืน มีทั้งคอมเมนท์ชมและคอมเมนท์ในทางแย่ๆ เสื่อมๆเพราะมิลค์ดันแต่งตัวไม่เรียบร้อย(ชุดอยู่บ้านแขดกุด) มิลค์โกรธมากบอกเลิกกับป่วนและไม่ยอมติดต่อกับป่วนอีก ป่วนไปตั้งกระทู้ถามว่าควรทำอย่างไร มีคนแนะนำให้ไปง้อที่บ้าน ป่วนก็ไปที่บ้านมิลค์แต่มิลค์ไม่ออกมาส่งข้อความบอกให้ป่วนพอ ป่วนยังคงถามความเห็นจากคนในเน็ต มิลค์ออกมาไล่ป่วนกลับไปด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีมิลค์คนเดียวป่วนไม่เป็นไรหรอกเพรายังมีคนรักป่วนอีกเป็นหมื่นเป็นแสนคนในโลกโซเชียล เน็ทเวิร์ค<<<<โดนว่ะ จบด้วยคลิปสุดท้ายของป่วนก่อนจะอำลาโลกโซเชียลว่าคนเดียวที่ทำให้ป่วนยิ้มได้คือมิลค์

เรื่องที่สองเป็นเรื่องของแหม่มกับจอนอดีตนักแสดงดังจากเรื่องรักติดเกาะที่ทำรายได้ถล่มทลายจากนั้นมาแหม่มกับจอนก็เป็นแฟนกัน ต่อมาก็เลิกกันแหม่มไปมีคนอื่น จอนด่าแหม่มกลางเวทีงานประกาศรางวัลที่จอนได้รางวัลนักแสดงดาวรุ่ง 7ปีผ่านไปผู้กำกับจะทำหนังรักติดเกาะภาคสอง แหม่มที่ตอนนี้กลายเป็นแค่นักแสดงประกอบอยากกลับมาดังอีกครั้งพยายามมาตื๊อขอให้จอนที่ตอนนี้เป็นนักดำน้ำโชว์ในตู้กระจก แหม่มก็มาหาจอนทุกวันหนังก็แฟลชแบ็คไปเรื่อยๆ แหม่มไปแคสติงเจอพีคกับหนูนา<<ตรงนี้ก็เล่นมุกล้อเลียนหนัง GTH กันไป สุดท้ายผู้กำกับบอกกับแหม่มว่าถ้าจอนไม่เล่นก็ต้องเปลี่ยนนักแสดงเพราะแหม่มต้องคู่กับจอนเท่านั้น ทีวีออกข่าวว่าได้นักแสดงคู่ใหม่แล้วแต่แหม่มไม่รู้

แหม่มไปดำน้ำแบบเดียวกับที่จอนทำ จอนลงไปพาแหม่มขึ้นมา แหม่มสารภาพกับจอนว่าอยากกลับมาดังอีกครั้งนี่เป็นโอกาสสุดท้าย จอนยอมซ้อมบทกับแหม่ม<<<บทประมาณว่ามาสะท้อนจากชีวิตจริง แหม่มถ่ายคลิปไว้เอาไปให้ผู้กำกับดูผู้กำกับเลยบอกว่าได้นักแสดงและแถลงข่าวไปแล้ว แหม่มไปหาจอนอีกครั้งถามเรื่องที่จอนรู้อยู่แล้วว่าเปลี่ยนนักแสดง แหม่มถามจอนว่ารู้อยู่แล้วมาซ้อมบทด้วยทำไม จอน(อยู่ในแทงค์ทั้งชุดดำน้ำ)ตอบว่าที่เจอเธอ รู้จักเธอ รักเธอ ทะเลาะกับเธอและเกลียดเธอเพราะหนังเรื่องนั้น ไม่อยากหลงรักแหม่มอีกครั้ง แหม่มขอบคุณจอนแล้วจะไป จอนถามแหม่มว่าคิดว่าจะกลับมารักกันอีกได้มั้ย<<ตามบทที่เคยซ้อมเป๊ะ แหม่มบอกว่าคำพูดนั้นแหม่มต้องเป็นคนถาม แล้วก็จบ(แบบแค่กระจกใสบางๆ คนนึงอยู่ในตู้คนนึงอยู่ข้างนอก)

เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องของสู่ขวัญผู้ประกาศข่าวที่ลงแข่งขันวิ่งมาราธอน ระหว่างนั้นหนังก็เล่าย้อนกลับไปเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว สู่ขวัญเจอกับนิชคุณที่สวนลุม นิชคุณที่กำลังซ้อมเพื่อวิ่งมาราธอนวิ่งชนสู่ขวัญล้มจากนั้นก็พากลับไปส่งที่คอนโด สู่ขวัญเจอช่อดอกไม้แห้งอยู่ในลิ้นชักหน้ารถแล้วก็แยกกันไปโดยที่ไม่ได้บอกชื่อ วันต่อมานิชคุณมารอสู่ขวัญที่ล็อบบีให้รองเท้าวิ่งกับสู่ขวัญ(คือสู่ขวัญใส่แตะหนีบไปวิ่งแล้วขาดตอนชนกัน) จากนั้นมานิชคุณกับสู่ขวัญก็ไปซ้อมวิ่งด้วยกันทุกเช้า นิชคุณให้ตารางการวิ่งกับสู่ขวัญ สองคนเริ่มผูกพันกันมากขึ้นแต่ด้วยวัยที่ห่างกันมากบวกกับสู่ขวัญเริ่มคิดถึงสามีที่เพิ่งตายไปเพราะนิชคุณพูดคำเดียวกับสามี สามีสู่ขวัญเครื่องบินตกตายสู่ขัวญเป็นคนอ่านข่าวนั้นจากนั้นมาสู่ขวัญก็เลิกเป็นผู้ประกาศ สายรุ้งเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องมาหาสู่ขวัญเพราได้ยินข่าวลือที่ว่าสู่ขวัญมาวิ่งกับเด็กทุกวัน สายรุ้งเกิดรับไม่ได้เพราะสู่ขวัญเคยบอกว่าจะไม่มีสามีใหม่

สู่ขวัญกลับมานั่งคิดถึงสามีที่ตายอีกครั้ง(โทรเข้ามือถือเพื่อฟังเสียงให้ฝากข้อความซ้ำๆ) นิชคุณเห็นว่าสู่ขวัญไม่ยอมมาวิ่งเลยมาหาสู่ขวัญ สู่ขวัญยอมรับว่าชอบนิชคุณแต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะครอบครัวนิชคุณคงไม่ยอมให้คบคนอายุมากกว่าและบอกเรื่องสามีเพิ่งตาย นิชคุณยอมรับว่ารู้จักสู่ขวัญอยู่แล้ว สู่ขวัญโกรธที่ตอนนั้นนิชคุณถามชื่อทำเหมือนว่าไม่รู้จัก จากนั้นมาสู่ขวัญก็ไม่ได้ไปวิ่งอีกเลย แม่ของสู่ขวัญแวะมาเยี่ยม แม่เจอนิชคุณฝากเสื้อกับหมายเลขสำหรับวิ่งแข่งมาราธอนมาให้สู่ขวัญ สู่ขวัญตัดสินใจเข้าร่วมวิ่งมาราธอน สู่ขวัญวิ่งถึงกิโลเมตรที่ 35 ที่นิชคุณเคยเล่าเรื่องได้ยินเสียงปิศาจก่อนจะหมดสติไปตอนวิ่งครั้งก่อน สู่ขวัญล้มแบบเดียวกับนิชคุณพอได้สติก็เห็นนิชคุณวิ่งย้อนกลับมาแถมบอกว่ารอสู่ขวัญที่เส้นชัยอยู่ตั้งนาน แล้วทั้งคู่ก็วิ่งเข้าเส้นชัยไปด้วยกันพร้อมๆกับที่สู่ขวัญรู้ตัวว่าตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ก็แค่ใช้ชีวิตเคลื่อนที่ผ่าน 7 ฟุตข้างหน้าเพื่อเข้าสู่  7 ฟุตข้างหน้าตามหลักการของการวิ่งมาราธอน

จริงๆมีรายละเอียดมากกว่านี้อยู่ในเนื้อเรื่องและบทสนทนา ดูเพลินๆประมาณหนังยำรวมๆ GTH นักแสดงรับเชิญเพียบ นั่งดูไปเรื่อยๆได้อารมณ์ประมาณนั่งดู Scary Movie แล้วรู้ว่ามาจากหนังเรื่องไหนก็สนุกไปอีกแบบตามประสาแฟนพันธุ์แท้ GTH

Somersault(2004)


ไฮดี(แอ็บบี คอร์นิช)จูบกับพ่อเลี้ยงก่อนที่จะเลยเถิดแม่ของไฮดีมาเห็นเข้าก็โกรธ ไฮดีออกจากบ้านขึ้นรถไปเรื่อยๆ ไฮดีไปที่บาร์แล้วออกไปพร้อมผู้ชายจากนั้นก็มีเซ็กส์กัน ตอนเช้าผู้ชายบอกมีแฟนแล้ว ไฮดีไปสมัครงานที่ร้านขายเสื้อผ้าแล้วเริ่มยั่วเจ้าของร้านแต่ก็ไม่ได้งาน ไฮดีเจอกับโจ(แซม เวิร์ทธิงตัน)จากนั้นก็ไปที่บาร์ด้วยกัน โจจำไฮดีได้(โจก็อยู่ที่บาร์ตอนที่ไฮดีออกไปกับผู้ชาย) คืนนั้นไฮดีขอตามโจกลับบ้านด้วยแต่โจบอกว่าบ้านอยู่นอกเมือง ไฮดียืนยันจะไปโจเลยแวะเปิดห้องค้างคืนกับไฮดี ตอนเช้าโจรีบกลับไปที่ฟาร์มนอกเมืองช่วยพ่อทำงาน ไฮดีขอไอรีนที่เป็นเจ้าของห้องพักอยู่ต่อ ไอรีนยอมให้ไฮดีค้างค่าห้อง ไฮดีไปที่มินิมาร์ทเห็นประกาศรับสมัครงานเลยสมัครงานที่นั่น ไฮดีโทรหาโจที่บ้านแต่โจไม่ยอมรับสาย ไอรีนให้ไฮดีพักอยู่ห้องของลูกชาย(ลูกชายไอรีนติดคุก)

โจแวะหาไปเพื่อนบ้านที่เป็นเกย์ที่มางานแต่งงานน้องสาว ไฮดีได้ทำงานที่มินิมาร์ทในปั๊มน้ำมัน โจเจอกับไฮดีออีกครั้ง โจรอจนไฮดีเลิกงานแล้วก็กลับไปด้วยกัน ไฮดีเริ่มสนิทกับเบียงกาพนักงานอีกคน เบียงกามีน้องชายที่มีปัญหาเรื่องการรับรู้อารมณ์คนอื่นทำให้ไม่มีใครคบ โจกับไฮดีเริ่มสานสัมพันธ์กันเรื่อยๆ โจมีปัญหาเรื่องไม่ชอบความสัมพันธ์ผิดกับไฮดีที่แสดงออกด้วยการมองตาการสัมผัส โจทะเลาะกับไฮดีเลยไปงานเลี้ยงคนเดียว เพื่อนของโจดูถูกไฮดีที่เป็นแค่พนักงานในปั๊ม โจเริ่มสับสนในตัวเองไปไปหาเพื่อนบ้านเกย์ โจเมาเลยจูบเกย์คนนั้นแต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลย

ไฮดีไปที่บ้านของเบียงกา พ่อเลี้ยงของเบียงกาก็คือเจ้าของร้านที่ไฮดีเคยไปสมัครงาน(แล้วไปยั่วเค้า) พ่อเลี้ยงเบียงกาบอกให้ไฮดีอยู่ห่างๆจากเบียงกา วันต่อมาเบียงกาด่าไฮดี ไฮดีเลยระบายอารมณ์ด้วยการฉีกน้ำมันใส่กระจกร้านมินิมาร์ทแล้วไปดื่มงานปาร์ตี ขากลับไฮดีพาผู้ชายขี้ยาสองคนกลับบ้านด้วย โจมาที่บ้านเห็นไฮดีกำลังจะมีอะไรกับคนอื่นเลยโกรธไล่สองคนนั้นไป โจด่าไฮดีที่ใจง่ายแล้วกลับไป วันต่อมาไอรีนไล่ไฮดีออกจากบ้าน ไฮดีเลยพูดเรื่องลูกชายไอรีน(ที่อยู่ในคุก)ไอรีนเฉลยด้วยความเจ็บปวดว่าลูกชายฆ่าคนตาย สุดท้ายไอรีนก็โทรหาแม่ไฮดี ไอรีนบอกว่าไม่ว่าลูกจะทำอะไรแม่ก็ต้องอยากเจอ วันต่อมาโจมาหาไฮดีอีกครั้ง ไฮดีบอกกำลังจะกลับบ้านรอแม่มารับ แล้วแม่ของไฮดีก็ขับรถมารับไฮดี ไฮดีขึ้นรถแม่กอดไฮดีแล้วก็ออกรถ จบด้วยไฮดีนั่งมองวิวข้างทางอยู่บนรถ

หนังดรามาสัญชาติออสเตรเลียรางวัลรางวัลเพียบ ถ้าดูเอาผ่านๆก็แค่เรื่องของเด็กใจแตกคนนึง เป็นหนังที่ดูแล้วต้องเอาไปคิด หนังมันมีที่มาที่ไป ไฮดีก็แค่ต้องการความรักแต่แสวงหาแบบไม่ถูกทาง ส่วนโจก็ออกแนวกลัวความผูกพันธ์หรือสับสนในตัวเองประมาณนั้น ต้องเก็บรายละเอียดจากหนังแล้วคิดถึงที่มาที่ไป ทุกๆผลลัพธ์มันมีสาเหตุเสมอ

The Factory(2011)


เริ่มเรื่องมาโสเภณีถูกออฟมาหลังจากกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ต่อมาก็ถูกคนร้ายฆ่าตายเพราะไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นสาวประเภทสอง ไมค์ เฟลทเชอร์(จอห์น คูแซค)ทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ฆาตกรเลือกฆ่าโสเภณี ไมค์ชวนเคลซีย์คู่หูมาฉลองวันขอบคุณพระเจ้าที่บ้าน แอ็บบีลูกสาวของไมค์ที่กำลังอยู่ในวัยรุ่นพยายามจะออกไปหาแฟนที่ชื่อแท็ดให้ได้ ไมค์หมกมุ่นอยู่กับการตามล่าจับตัวฆาตกรจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไมค์ให้เหตุผลกับแอ็บบีว่าผู้หญิงที่ตายเป็นพวกที่หายตัวไปแล้วไม่มีแม้แต่ญาติตามหา ตำรวจพบศพโสเภณีสาวประเภทสองไมค์กับเคลซีย์รับผิดชอบคดี

ตัดไปที่แดเรลบุรุษพยาบาลถูกคาร์ลแบล็คเมลล์เพราะเคยทำคนไข้ท้องแล้วคาร์ลช่วยทำแท้งให้ คาร์ลให้แดเรลขโมยยาตามลิสท์มาให้ คริสตัลโสเภณีที่เป็นสายตำรวจให้ข้อมูลกับไมค์เรื่องผู้หญิงที่หายตัวไป แอ็บบีหนีออกจากบ้านเพื่อไปพบแท็ดที่ทำงานที่ร้านอาหาร แดเรลแอบขโมยยาแล้วนัดเจอกับคาร์ลที่ร้านเดียวกับที่แท็ดทำงานอยู่ แท็ดขอเลิกกับแอ็บบี แอ็บบีถูกคาร์ลจับตัวไปหลังจากออกจากร้าน<<<แอ็บบีแต่งตัวคล้ายกับพวกโสเภณี พอไมค์รู้ก็เริ่มร้อนใจพยายามออกตามหาตัวแอ็บบี แท็ดมาที่โรงพักชี้ตัวแดเรลบอกว่าอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ไมค์ไปที่โรงพยาบาลทำร้ายร่างกายแดเรลเพื่อให้ได้ข้อมูลจนถูกสั่งให้พัก แอ็บบีถูกขังในห้องใต้ดินพร้อมกับผู้หญิงอีกสองคน คนนึงกำลังตั้งท้องส่วนอีกคนพยายามที่จะท้องแต่ก็ยังไม่ท้องที่แปลกคือทั้งสองคนเหมือนจะยินยอมพร้อมใจที่จะท้อง ยาที่ได้มาจากแดเรลส่วนมากจะเป็นพวกยาบำรุง ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่คาร์ลจับมาเป็นพวกติดยาเร่ร่อนไม่มีที่อยู่เลยเหมือนคาร์ลเป็นคนให้ชีวิต

ไมค์ไปสืบเรื่องแดเรลที่โรงพยาบาลเจอกับคาร์ลที่เป็นพ่อครัวแต่ไมค์ไม่รู้ว่าคาร์ลคือคนร้าย ไมค์ถามหมอเรื่องยาเลยรู้ว่าเป็นยาบำรุงเพื่อให้ตั้งครรภ์ ไมค์มั่นใจว่าคนร้ายคือเจ้าของลายมือที่เขียนชื่อยา แอ็บบีพยายามกล่อมผู้หญิงที่ถูกจับมาแต่คนที่ยังไม่ท้องไม่ยอมเชื่อเพราะบูชาคาร์ลมาก แอ็บบีเริ่มเปลี่ยนแผนทำเป็นยอมเพรารู้ว่าถ้าทำตัวดีคาร์ลจะให้ขึ้นไปดินเนอร์ด้วยข้างบน ไมค์พบศพแดเรลตายคาห้องพัก ต่อมาไมค์นึกได้จากที่เคยฟังจากเหยื่อที่เคยรอดจากคาร์ลว่าได้กลิ่นอาหารจากตัวคนร้าย ไมค์ได้ชื่อกับที่อยู่ของคาร์ลเลยรีบไปพร้อมกับเคลซีย์ ระหว่างที่กำลังดินเนอร์คาร์ลไปรับโทรศัพท์แอ็บบีแอบขโมยโทรศัพท์มือถือโทรหาไมค์แต่ถูกคาร์ลจับได้ แอ็บบีถูกคาร์ลทำร้ายจับขังในห้องใต้ดินอีกครั้ง

ไมค์บุกเข้าไปในบ้านเจอเด็กทารก 3 คนอยู่ในตู้แบบเดียวกับโรงพยาบาล แอ็บบีบอกไมค์ผ่านอินเตอร์คอมว่าคาร์ลเก็บกุญแจคล้องคอไว้กับตัว ไมค์ยิงคาร์ลและเข้าไปเอากุญแจห้องใต้ดินที่คาร์ล เคลซีย์ตามขึ้นมายิงไมค์ จริงๆแล้วเคลซีย์คือเหยื่อรายแรกของคาร์ล(แฟลชแบ็คมาตลอดทั้งเรื่องแบบไม่ปะติดปะต่อ) เท่ากับว่าเคลซีย์ก็เป็นหนึ่งในสาวกที่บูชาคาร์ล ไมคค์เริ่มแฟลชแบ็คเคลซีย์ก็คือคนที่โทรมาเตือนคาร์ลตอนที่กำลังดินเนอร์กับแอ็บบี ไมค์บอกกับเคลศีย์เรื่องที่แอ็บบีกำลังท้องเพื่อไม่ให้เคลซีย์ฆ่าแอ็บบี(ก่อนหน้านี้ไมค์เข้าไปค้นห้องแอ็บบีเจอที่ตรวจครรภ์ผลบอกว่าแอ็บบีท้อง) สุดท้ายเคลซีย์รับช่วงสร้างครอบครัวต่อจากคาร์ล เคลซีย์ช่วยแอ็บบีกับอีกสองคนจากนั้นเคลซีย์ก็จัดการพาเด็กทารกทั้งสามคนไปก่อนที่ตำรวจจะพบ เคลซีย์ซื้อบ้านใหม่เตรียมย้ายเข้าไปอยู่พร้อมเด็กทั้งสามคน เคลซีย์โทรไปที่บ้านของไมค์ยินดีกับแอ็บบีที่กำลังจะเป็นแม่ แอ็บบีเหมือนจะจับคำพูดของเคลซีย์ได้เปิดย้อนฟังซ้ำประโยคที่ว่า I love you guys

ps ยังคงยึดมั่นความคิดเดิมว่า จอห์น คูแซคเหมาะกับหนังแนวโรแมนติกมากกว่า

A Moment to Remember(2004)


ที่สถานีรถไฟชายจรจัดขอยืมไฟแช็คจากชุลซูแต่ชุลซูพูดว่าเมื่อความทรงจำหายไปจิตวิญญาณก็หายไปด้วย แล้วก็เปลี่ยนเป็นซูจินที่มานั่งรอแฟนที่สถานีรถไฟแต่แฟนไม่มาซูจินเลยทิ้งตั๋วแล้วกลับไปที่บ้าน คือยังมินแฟนของซูจินมีภรรยาอยู่แล้ว ซูจินถูกภรรยาของยังมินทำร้าย ซูจินเจอกับชุลซูที่มินิมาร์ทเพราะซูจินหยิบกระป๋องโค้กผิด พอรู้ตัวซูจินกลับไปที่ร้านเจอกับชุลซูซูจินเลยดื่มน้ำของชุลซูจนหมดกระป๋อง ซูจินกลับไปทำงานเป็นดีไซน์เนอร์อีกครั้งทั้งที่คนทั้งบริษัทรู้เรื่องของซูจิน พ่อของซูจินเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างส่วนชุลซูเป็นหัวหน้าคนงาน ต่อมาบริษัทของซูจินมีปัญหาเรื่องก่อสร้างซูจินเลยขอให้พ่อช่วย พ่อของซูจินส่งชุลซูไปทำงาน ชุลซูแย่งโค้กกระป๋องของซูจินไปดื่มแบบเดียวกับที่ซูจินเคยทำ ขากลับซูจินถูกกระชากกระเป๋าชุลซูช่วยไว้และพาซูจินไปส่ง ซูจินเริ่มคบกับชุลซูทั้งที่ชุลซูเป็นแค่คนงาน ชุลซูตั้งใจจะสอบสถาปนิก วันสอบซูจินตัดสูทให้ชุลซูด้วยตัวเองและรอจนชุลซูสอบเสร็จ

ซูจินอยากให้ชุลซูบอกรักและขอแต่งงานแต่ชุลซูยังไม่พร้อม ซูจินนัดครอบครัวมาเจอกับชุลซูโดยที่ไม่ได้บอก ตอนแรกพ่อของซูจินเหมือนจะรับไม่ได้ ซูจินเครียดจนหมดสติไป พ่อของซูจินเห็นชุลซูดูแลซูจินและซูจินก็รักชุลซูเลยยอมให้แต่งงานกัน ซูจินย้ายไปอยู่บ้านชุลซู เพื่อนของพ่อซูจินให้ชุลซูออกแบบงานก่อสร้างมาเสนอชุลซูได้รับการว่าจ้างเริ่มตั้งตัวได้ ชุลซูเปิดบริษัทของตัวเองแม่ของชุลซูอยู่ๆก็กลับมาขอยืมเงิน ชุลซูโกรธที่แม่สร้างหนี้และทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก ชุลซูได้ลุงที่วัดช่วยสอนงานไม้ให้ ซูจินรู้จากลุงที่วัดเรื่องแม่ของชุลซูเลยแอบเปิดลิ้นชักที่ชุลซูไม่ยอมให้เปิด ซูจินขอให้ชุลซูช่วยแม่โดยให้เหตุผลว่าคนเราควรแบ่งที่ว่างในใจให้กับความเกลียดตามที่ปู่กับพ่อเคยสอนมาตลอด สุดท้ายชุลซูยอมช่วยแม่ใช้หนี้จนเกือบหมดตัวทั้งที่ตั้งใจจะเอาเงินไปสร้างบ้านในฝันให้ซูจิน

อาการขี้ลืมของซูจิน(ที่มีมาตลอด)เริ่มมากขึ้นถึงกับจำทางกลับบ้านไม่ได้ ซูจินไปหาหมอจนรู้ว่าเป็นอัลไซเมอร์ทั้งที่อายุแค่ 27 ปี ซูจินไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชุลซู ยังมินแฟนเก่าของซูจินที่ตอนนี้หย่ากับภรรยาแล้วย้ายกลับมาทำงานที่เดียวกับซูจินอีกครั้งและพยายามจะขอคืนดี ซูจินลาออกจากงานมาอยู่ที่บ้านเพื่อจะได้ใช้เวลาที่เหลือดูแลชุลซู ชุลซูรู้สึกถึงความผิดปกติ(ซูจินทำข้าวกล่องใส่แต่ข้าวทั้งสองกล่อง)เลยไปหาหมอรู้ว่าซูจินเป็นอัลไซเมอร์เละกำลังจะลืมทุกอย่างรวมทั้งตัวเอง หมอให้คำแนะนำกับชุลซูจากประสบการณ์ของหมอเองที่ภรรยาของหมอก็เป็นอัลไซเมอร์เหมือนกัน หมอเล่าว่ามีครั้งนึงที่ภรรยาจำเหตุการณ์ตอนพบกันครั้งแรกได้แต่ไม่นานก็ลืมไปอีก

ซูจินที่เริ่มลืมและจำได้เป็นช่วงๆขอเลิกกับชุลซูแต่ชุลซูยืนยันว่าจะเป็นคนจำทุกอย่างแทนซูจินเอง ชุลซูเขียนทุกอย่างแปะไว้ให้ซูจิน วันเกิดแม่ของชุลซูซูจินเชิญทุกคนมาที่บ้าน ยังมินแวะเอาของของซูจินมาให้ซูจินเริ่มสับสนจำยังมินสลับกับชุลซู ชุลซูกลับมาพอดีเลยทำร้ายยังมิน ทุกคนมารวมกันที่บ้านเลยรู้ว่าซูจินกำลังป่วย พ่อของซูจินจะพาซูจินกลับไปแต่ชุลซูยืนยันจะดูแลซูจินเอง ความทรงจำของซูจินค่อยๆหายไปเริ่มจากปัจจุบันซูจินเรียกชุลซูเป็นยังมินทำให้ชุลซูเสียใจมาก พอซูจินเริ่มจำได้ก็เสียใจเลยหนีไปทิ้งไว้แค่จดหมายที่ว่าไม่อยากให้ชุลซูเสียใจและรักชุลซูคนเดียว ในจดหมายซูจินให้ชุลซูไปพบพ่อ พ่อของซูจินให้ใบหย่ากับชุลซูบอกให้ชุลซูที่กำลังมีอนาคตไปเริ่มต้นใหม่แต่ชุลซูฉีกใบหย่าทิ้ง

ซูจินจากไปโดยที่ชุลซูไม่รู้ว่าซูจินไปอยู่ที่ไหน วันนึงชุลซูได้รับจดหมายจากซูจิน ซูจินนึกเรื่องทั้งหมดได้เลยเขียนจดหมายมาหาชุลซู ชุลซูไปที่โรงพยาบาลแต่ซูจินกลับลืมชุลซูไปแล้ว ชุลซูขอร้องให้พยาบาลพาซูจินไปที่มินิมาร์ทที่เคยเจอกันครั้งแรก ที่นั่นทุกคนไปรวมตัวกันหมดทั้งครอบครัวของซูจิน หมอและลุงที่วัด ซูจินเริ่มจำได้อีกครั้งชุลซูรีบพาซูจินนั่งรถไปด้วยกัน ชุลซูให้ไม้แกะสลักรูปหน้าซูจินที่ชุลซูแกะสลักเองและบอกรักซูจินเป็นครั้งแรก<<<ที่ซูจินอยากฟังมาตลอด

ดูคลับฟรายเดย์ เดอะซีรีส์ ตอนคนที่ถูกลืมแล้วรู้สึกคุ้นๆๆๆๆๆๆเลยหยิบหนังเรื่องนี้มาดูอีกรอบ คล้ายๆ 50 First Dates กับ The Notebook ผสมกับ A Beautiful Mind ช่วงที่มีคนนึงความจำ+สติเลอะเลือน แต่อีกคนก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างตลอด เรื่องนี้ไม่ค่อยพีคทั้งที่ดูฉบับ Director’s cut เพราะนางเอกดันเลือกที่จะหนีไปไม่อยากเป็นภาระพระเอก

Abraham Lincoln: Vampire Hunter(2012)


พ่อแม่ของอับราฮัม ลินคอล์นทำงานกับแจ็ค บาร์ตส วิลเลียมเพื่อนผิวดำของลินคอล์นถูกรังแกลินคอล์นที่ยังเด็กถือขวานจะเข้าไปช่วยจนพ่อกับแม่ถูกไล่ออกจากงาน บาร์ตสทวงหนี้จากพ่อแม่ลินคอล์นแต่ไม่มีจ่ายคืนนั้นบาร์ตสที่เป็นแวมไพร์เข้าไปดูดเลือดแม่ของลินคอล์นไม่นานแม่ก็ตาย(โดยไม่ทราบสาเหตุแต่ลินคอล์นเห็นบาร์ตสที่แอบเข้ามา) 9 ปีต่อมาพ่อของลินคอล์นก็ตายไปแล้วลินคอล์นตัดสินใจล้างแค้น ลินคอล์นไปดื่มย้อมใจที่บาร์เฮนรี(โดมินิค คูเปอร์)ทักลินคอล์นว่าท่าทางแบบนี้ไม่ไปจูบสาวก็ไปฆ่าคนแล้วปืนลินคอล์นก็หล่น

ลินคอล์นไปที่โรงงานของบาร์ตส ลินคอล์นยิงบาร์ตสแต่บาร์ตสไม่เป็นอะไรกลายร่างเป็นแวมไพร์มาทำร้ายลินคอล์น เฮนรีตามมาช่วยลินคอล์นไว้ เฮนรีพาลินคอล์นกลับไปที่บ้านเล่าเรื่องแวมไพร์ที่มีอยู่ทั่วไปมีหัวหน้าใหญ่คืออดัมกับน้องสาวและสอนวิธีการต่อสู้กับแวมไพร์ให้โดยให้ลินคอล์นสัญญาว่าจะเลิกคิดล้างแค้น ลินคอล์นเลือกใช้ขวานเป็นอาวุธ เฮนรีส่งลินคอล์นไปที่เมืองสปริงฟิลด์และจะส่งรายชื่อแวมไพร์ให้ลินคอล์นฆ่า เฮนรีสั่งให้ลินคอล์นไม่มีเพื่อนไม่มีครอบครัว ลินคอล์นพักอยู่กับสปีดเจ้าของร้านที่ให้ลินคอล์นช่วยงานที่ร้าน ลินคอล์นเจอกับแมรีที่ร้าน เฮนรีส่งรายชื่อแวมไพร์มาให้ลินคอล์นจัดการแต่ก็ยังไม่ถึงคิวของบาร์ตสที่ลินคอล์นรอคอย สปีดพาลินคอล์นไปร่วมงานเลี้ยง ลินคอล์นได้เต้นรำกับแมรีจากนั้นก็เริ่มเดทกัน ลินคอล์นสารภาพกับแมรีว่าตอนกลางคืนออกล่าแวมไพร์แต่แมรีคิดว่าลินคอล์นพูดเล่น บาร์ตสเริ่มรู้เรื่องของลินคอล์นที่เป็นนักล่าแวมไพร์เลยส่งข่าวบอกอดัม

ลินคอล์นเจอกับวิลเพื่อนเก่าอีกครั้ง ลินคอล์นมีเรื่องจนถูกจับติดคุกแมรีช่วยประกันตัวออกมาจากนั้นลินคอล์นก็เริ่มเข้าสู่วงการการเมือง คำปราศรับของลินคอล์นถูกใจประชาชน เฮนรีให้ลินคอล์นฆ่าบาร์ตสพร้อมกับมอบนาฬิกาพกให้ ลินคอล์นฆ่าบาร์ตสตายก่อนตายบาร์ตสบอกลินคอล์นว่าเฮนรีก็เป็นแวมไพร์เหมือนกัน ลินคอล์นไปหาเฮนรีเฮนรีเล่าเรื่องที่สมัยก่อนเฮนรีกับแฟนเจออดัม แฟนเฮนรีถูกฆ่าตายส่วนเฮนรีถูกเปลี่ยนให้เป็นแวมไพร์ กฎมีอยู่ว่าแวมไพร์ทำร้ายแวมไพร์ด้วยกันไม่ได้มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ฆ่าแวมไพร์ได้เฮนรีเลยต้องฝึกนักล่าแวมไพร์ขึ้นมา ลินคอล์นขอแยกตัวไปจากเฮนรี คืนนั้นลินคอล์นขอแมรีแต่งงาน แมรีตอบตกลง

ลินคอล์นแต่งงานกับแมรี เฮนรีมาร่วมงานเตือนลินคอล์นเรื่องอดัม อดัมได้นาฬิกาพกจากศพของบาร์ตสเลยจับตัววิลไปบังคับให้ลินคอล์นต้องไปช่วยวิล ลินคอล์นกับสปีดตามไปช่วยวิลออกมาได้สำเร็จ ลินคอล์นได้เป็นประธานาธิบดีเริ่มผลักดันกฎหมายเลิกทาสแต่ต้องสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมากเพื่อแลกกับอิสรภาพของทาส ลินคอล์นกับแมรีมีลูกชาย 1 คนชื่อวิลลี น้องสาวของอดัมลอบเข้ามากัดวิลลีแบบเดียวกับที่บาร์ตสเคยทำกับแม่ของลินคอล์นพร้อมทิ้งนาฬิกาพกไว้ให้ลินคอล์น ไม่นานวิลลีก็ตาย เฮนรีมาที่บ้านบอกเรื่องปลุกวิลลีให้ฟื้นคืนชีพได้แต่ลินคอล์นไม่ยอมเพราะวิลลีที่ฟื้นขึ้นมาจะไม่ใช่คน อดัมร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามส่งกองทัพแวมไพร์มาต่อสู้กับกองทัพของลินคอล์น ลินคอล์นนึกถึงเงินที่สามารถฆ่าแวมไพร์ได้เลยสั่งรวบรวมเครื่องเงินจากชาวบ้านมาทำอาวุธ สปีดเอาเรื่องไปบอกพวกอดัมว่าจะมีการจัดส่งอาวุธทางรถไฟ

พวกของอดัมวางแผนทำลายทางรถไฟแต่ปรากฏว่าเป็นแผนลวงที่สปีดร่วมมือกับลินคอล์นในรถไฟขบวนนั้นมีแต่หิน คือลินคอล์นส่งไปทางรภไฟแต่ไปอีกสายสปีดถูกอดัมฆ่าตาย  ลินคอล์นต่อสู้กับพวกแวมไพร์เฮนรีตามมาช่วยลินคอล์นได้ทันก่อนที่ทางรถไฟจะถูกไฟไหม้จนรถไฟตกราง ลินคอล์นประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยได้สำเร็จโดยมีวิลเป็นผู้ช่วย เฮนรีมาหาลินคอล์นชวนให้ลินคอล์นเป็นแวมไพร์เพื่อจะได้มีชีวิตเป็นอมตะแต่ลินคอล์นปฏิเสธ ลินคอล์นมอบบันทึกให้กับเฮนรี ตัดมาที่ปัจจุบันเฮนรีอยู่ที่บาร์ ผู้ชายกำลังดื่มเหล้าพร้อมกับพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ประมาณว่าจะทำบางอย่างแบบเดียวกับที่ลินคอล์นเคยทำมีปืนหล่นแบบเดียวกันแล้วหนังก็ตัดจบ

Memoirs of a Geisha(2005)


เล่าถึงเรื่องราวของซายูริที่ถูกขายให้สำนักเกอิชาตั้งแต่ยังเด็ก ชิโย(ซายูรินั่นแหละ)ถูกจับแยกกับพี่สาว ที่นั่นมีฮัตสึโมโม(กงลี่)เป็นดาวประจำสำนัก(ต่อมาคือคู่แข่งของนางเอก ….. ไม่สิ .. นางเอกไปเป็นคู่แข่งเค้าซะมากกว่า) ชิโยถูกฝึกให้เป็นเกอิชาตั้งแต่ยังเด็กโดยมีมาเมฮา(มิเชล โหยว)เกอิชารุ่นใหญ่คอยดูแล ซายูริถูกสอนว่าเป็นเกอิชาต้องไม่มีความรัก แต่ฮัตสึโมโมกลับทำตรงกันข้าม นางเอกพยายามตามหาจนเจอพี่สาวตามที่ฮัตสึโมโมบอกแล้วนัดกันหนี แต่ด้วยความซวยดันกลับมาเจอฮัตสึโมโมxxx กับผู้ชาย คุณแม่เลยสั่งล็อคบ้านซะ นางเอกพยายามปีนหลังคาหนีแต่ไม่รอดตกหลังคาคางแตก ส่วนพี่สาวก็หนีไปไม่ได้รอ ต่อมาได้ข่าวว่าพ่อแม่ที่บ้านนอกตาย ทำให้นางเอกเหลือตัวคนเดียว จากความวุ่นวายที่ชิโยก่อคุณแม่เลยให้เป็นทาสใช้หนี้แทนที่จะเป็นเกอิชา

ชิโย(เด็ก)เจอพระเอกที่ผ่านมาตอนจะไปดูละครกับเกอิชาเลี้ยงน้ำแข็งใสพร้อมให้เงินกับผ้าเช็ดหน้าไว้ก็เกิดปลื้มขึ้นมาในทันที จากนั้นมาก็มุ่งมั่นจะเป็นเกอิชาให้ได้ พออายุสิบห้าชิโย(จางซิยี)เจอพระเอกที่มาเที่ยวที่สำนักอีกครั้ง มาเมฮา(มิเชล โหยว)เกอิชาที่ร่ำรวยเพราะท่านนายพลเปิดบริสุทธิ์เสนอล้างหนี้ให้ชิโย  มาเมฮาสนับสนุนชิโยสาเหตุนึงก็เพื่อโค่นฮัตสึโมโมทางอ้อม(มัตสึโมโมเคยขโมยกิโมโนมาเมฮามาเขียนเล่น) มาเมฮาสอนชิโยทุกขั้นตอน ชิโยเปลื่อนชื่อ(ในวงการ)เป็นซายูริ ซายูริทำงานไปก็เฝ้ารอชายในฝันไป โดยมีฮัตสึโมโมรังควานเป็นระยะ

มาเมฮาพาซายูริไปดูซูโมได้เจอท่านประธานเคน(ชายในฝัน) แต่ดันถูกให้ไปเอาใจโนบุเพื่อนพระเอกเพื่อไม่ให้ฮัตสิโมโมเข้ามายุ่ง โนบุก็ดันชอบนางเอกขึ้นมาด้วย มาเมฮาวางแผนโค่นฮัตสิโมโมโดยการแกล้งให้ซายูริกรีดขาตัวเองเพื่อไปหาหมอ ให้ซายูริแอบให้ขนมกับโนบุและหมอ (ขนมหมายความว่าพร้อมจะขายพรหมจรรย์)  ฮัตสึโมโมก็ร้ายไปหาหมอใส่ความซายูริ ซายูริรู้เรื่องจากฟักทอง(ลูกน้องฮัตสึโมโม) มาเมฮาแก้เกมด้วยการจัดงานเต้นโชว์เพื่อประมูลซายูริซึ่งก็ได้ผล มากันพร้อมหน้าทั้งท่านประธาน หมอ โนบุ ท่านนายพล(ที่เปิดซิงมาเมฮา)ก็มา

ท่านนายพลชวนซายูริไปงานชมซากุระที่บ้าน มาเมฮาบอกให้ซายูริระวังตัวเพราะอัตสึโมโมน่าจะมีแผนที่มาเสนอให้ซายูริไป ซายูริเจอท่านประธานที่งาน แต่ท่านดันมาพูดแทนโนบุ ท่านนายพลยกกิโมโนให้ซายูริบังคับให้สวม(จริงๆแล้วจับถอด)เดี๋ยวนั้น แต่สุดท้ายก็แค่ดู….. เฮ่อ ตอนแรกงงเลยเพราะนางเอกทำซะอย่างกะเสียแล้ว  มาเมฮาโกรธมากที่มีข่าวลือจนเสียราคาหมด(ลึกๆน่าจะหึงมากกว่า) แต่สุดท้ายซายูริก็ได้ประมูลสูงสุดเป็นประวัติการ คุณแม่ยกสำนักให้ซายูริ แถมให้ซายูริย้ายไปอยู่ห้องฮัตสึโมโมแทน ฮัตสึโมโมโกรธมาก

สรุปหมอเป็นคนประมูลได้ไป ความจริงคือท่านนายพลให้สูงสุดแต่มาเมฮายอมไม่ได้  เลยให้หมอแทน โนบุไม่ได้ประมูลด้วยซ้ำ ซายูริกลับจากที่ถูกหมอเปิดซิง เจอฮัตสึโมโมมารื้อห้องซายูริเจอผ้าเช็ดหน้าของท่านประธานที่ซายูริเก็บไว้ แย่งกันไปมาราวกะหนังกำลังภายในจนทำไฟไหม้สำนัก ฮัตสึโมโมคลั่งราดน้ำมันซ้ำเข้าไป(กงลีเล่นดีมาก)แล้วจากไปแบบโทรมๆ(จบซีนไม่สวยเลย)

ต่อมาญี่ปุ่นแพ้สงครามท่านประธานมาช่วยส่งซายูริไปที่ปลอดภัย ซายูริเลิกเป็นเกอิชาไปโดยปริยาย(เอ่อ…คือเสียให้หมอไปเปล่าๆเลยดิเนี่ย) หนึ่งปีต่อมาโนบุมาหาซายูริ บอกข่าวท่านนายพลหมดตัวโดดน้ำตาย บริษัทของท่านประธานก็เจ๊ง โนบุมาขอให้ซายูริช่วยไปเอาใจนายทุนอเมริกันด้วยการเป็นเกอิชาอีกครั้ง ซายูริยอมช่วย ซายูริมาหามาเมฮาที่โทรมลงมากตั้งแต่ท่านนายพลตาย มาเมฮาให้กิโมโนที่เก็บไว้กับซายูริ ฟักทอง(อดีตลูกน้องฮัตสึโมโมที่เป็นเพื่อนกับซายูริ)เปลี่ยนไปเยอะมากแต่ก็ยังยอมช่วย

ซายูริเจอท่านประธานอีกครั้ง(ท่านก็ยังหน้าตาเหมือนเดิม) ซายูริพูดถึงเรื่องสมัยเด็กตอนเจอท่านประธานแล้วซายูริก็ถูกทหารอเมริกันลวนลาม กลายเป็นโนบุที่หึง ซายูริวางแผนเอาตัวเข้าแลกกับนายทุนให้ฟักทองตามโนบุมาเพื่อให้โนบุตัดใจจากตัวเองซะ แต่ฟักทองหักหลังพาท่านประธานมาแทน โห….. ที่แท้ฟักทองแค้นฝังใจ ท่านประธานกลับมารวยอีกครั้งมาหาซายูริ เฉลยความจริงว่าที่จริงท่านจำแววตาคู่นั้นได้ 5555  เป็นคนให้มาเมฮามาช่วยซายูริ แต่ที่แสดงออกไม่ได้เพราะโนบุที่มีบุญคุณกับท่านประธานชอบ แต่ตอนนี้โนบุรับไม่ได้เรื่องซายูริเอาตัวเข้าแลกไปแล้ว ซายูริก็สารภาพมั่งว่าที่มุ่งมั่นจะเป็นเกอิชาเพื่ออยากอยู่เคียงข้างท่านประธาน สุดท้ายซายูริก็ได้อยู่กับท่านประธานสมดังคำอธิษฐาน(ตอนนั้นเอาเงินที่ได้จากท่านประธานไปทำบุญเก็บแต่ผ้าเช็ดหน้าไว้)

The Extraordinary Adventure of Adele Blanc-Sec(2010)

เริ่มเรื่องที่ศาสตราจารย์(ที่ถูกหาว่า)สติเฟื่องส่งกระแสจิตไปทำให้ไดโนเสาร์เทอโรแดกทิล(มีปีก)ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ฟักออกจากไข่ ไอ้เจ้าเทอโรแดกทิลดันบินไปเกาะหลังคารถเจ้าเมืองจนรถตกน้ำตาย ประธานาธิบดีเลยสั่งให้สารวัตรคาร์โปนีสืบ จนตามไปถึงศจ.ที่ตอนนั้นนกยักษ์บินมาหาพอดี ศจ.เลยถูกจับฐานปลุกนกยักษ์จนทำให้เจ้าเมืองตาย อะเดลเป็นนักข่าวที่เป็นนักเขียนด้วยบุกเข้าสุสานฟาห์โรเพื่อที่จะเอามัมมี(ที่อะเดลเข้าใจผิดคิดว่าเป็น)หมอประจำตัวฟาโรห์มารักษาน้องสาวฝาแฝดที่โคมาเพราะปิ่นปักผมปักหัวตอนเล่นเทนนิส<<< 55555 พออะเดลกลับมารู้ว่าศจ.ถูกจับอะเดลก็ปลอมตัวเป็นทั้งทนาย แม่ชี พยาบาล ตำรวจไปช่วยศจ.แต่ก็ไม่สำเร็จซักที

อังเดรผู้ช่วยที่ดูแลพิพิธภัณฑ์แอบชอบอะเดลส่งจดหมายถึงเดลทุกวัน อังเดรค้นคว้าจนรู้ที่อยู่นกยักษ์พาอะเดลมาดู อะเดลตีสนิทจนขึ้นขี่นกยักษ์(คล้ายๆโทรุค มัคโตแต่นี่ขี่เทอโรแดกทิล)ไปช่วยศจ.ที่กำลังจะถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตินได้สำเร็จ ต่อมานกยักษ์ถูกนายพรานที่มากับคาร์โปนียิง ศจ.เลยบาดเจ็บไปด้วย<<< อะไรวะ ในเรื่องเค้าว่านกกับศจ.จิตสื่อถึงกัน ศจ.ใช้กำลังเฮือสุดท้ายติดต่อกับมัมมีที่อะเดลเอามา ศจ.กับนกยักษ์ตาย(โคตรง่ายเลย) แต่มัมมีฟื้นขึ้นมาแทน ปรากฏว่าอะเดลเอามัมมีมาผิด มัมมีที่เอามาเป็นนักฟิสิกส์ แต่มัมมีบอกว่าศจ.ได้ปลุกมัมมีในรัศมี 2 กม.ให้ฟื้นคืนชีพ อะเดลนึกขึ้นได้ว่าศพมัมมีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ยกแกงค์เลยรีบพาน้องสาวไปฟาโรห์ช่วย

ฟาโรห์ยอมช่วยเพราะโดนอะเดลด่าไปยกนึง น้องสาวอะเดลฟื้น จากนั้นแกงค์มัมมีก็ออกไปตระเวนเที่ยวในเมือง ตอนจบอังเดรมาเจอน้องสาวอะเดลก็เลยเปลี่ยนเป้าหมาย อะเดลก็ออกเดินทางต่อไปขึ้นเรือไททานิก โดยมีคู่อริเก่าที่ตามล่าอะเดลตั้งแต่สุสานฟาโรห์มาอาฆาตแค้นต่อ ก็แปลว่าเรือไททานิกล่มเพราะได้เวรนี่อ่ะดิ <<< เอาเข้าไป หนังออกทะเลจริงๆ สุดท้ายมีแถมส่วนที่หายไป นายพรานที่ยิงนกยักษ์ โดนเพื่อนของศจ.ไล่ยิงไปจนเจอคิงคอง แล้วก็จบของจริง

Paycheck(2003)


ไมเคิล เจนนิงส์(เบน เอฟเฟล็ค) ขโมยไอเดียงานจากบริษัทนึงไปพัฒนาให้ได้ประสิทธิภาพสูงกว่าแล้วรับเงินจากบริษัทคู่แข่ง พอเสร็จงานก็จะถูกจับเข้าเครื่องลบความจำเพื่อป้องกันการเอาไปขายต่อ เจนนิงส์รับงานชิ้นต่อมาจากบริษัทออลคอมที่เรททริคเป็นเจ้าของ เจนนิงส์ต้องทำงานเป็นเวลา 3 ปี เรดทริคบอกว่าเจนนิงส์จะได้รับเงิน 8 หลักรวมทั้งหุ้นเป็นค่าตอบแทน เจนนิงส์ตกลงเพราะที่นั่นเจนนิงส์ได้เจอเรเชล(อูมา เธอร์แมน) ที่เจนนิงส์ปิ๊งตั้งแต่งานเลี้ยง ก่อนเริ่มงานเจนนิงส์ถูกฉีดยาเพื่อมาร์คจุดความทรงจำ<< เรททริคอ้างว่าเป็นการลบที่ทันสมัยกว่าแบบเดิมที่เป็นอันตรายเพราะต้องเผาเซลล์ประสาทที่มีความทรงจำทิ้ง ถ้าอุณหภูมิสูงเกินไปก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิต เรททริคแนะนำให้เจนนิงส์รู้จักกับเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานวิจัยลับให้กับรัฐบาล

ตัดมาที่เจนนิงส์ตอนงานเสร็จ เรททริคบอกให้เจนนิงส์กลับบ้านแล้วมารับเช็ค วันต่อมาเจนนิงส์ไปรับค่าจ้างที่บริษัท แต่กลับกลายเป็นว่าในสัญญาบอกว่าเจนนิงส์เองเป็นคนยกเลิกรับเงินทั้งหมดโดยขอเปลี่ยนเป็นรับของในซองที่ฝากไว้แทน เจนนิงส์โทรหาเรททริคก็ติดต่อไม่ได้ ต่อมาเจนนิงส์ถูก FBI จับไปเข้าเครื่องลบความจำอีกครั้งเพื่อกู้ความทรงจำกลับมา ทำให้เจนนิงส์เริ่มจำได้ลางๆ ที่แท้ไอ้งานที่เจนนิงส์ไปทำคืองสร้างเครื่องทำนายอนาคต ส่วนของในซองทั้งหมด 20 ชิ้นนั้นเจนนิงส์เองเป็นคนเลือกใส่ไว้เพื่อช่วยชีวิตตัวเอง เริ่มจากบุหรี่ที่เจ้าหน้าที่ FBI เอามาสูบจนสัญญาณเตือนไฟไหม้ทำงานทำให้เจนนิงส์หนีรอดออกมาได้ แล้วใช้ตั๋วรถในซองหนีต่อ

เจนนิงส์ติดต่อเพื่อนเก่าที่เคยทำงาน(ลบความทรงจำแบบเดิม)มาด้วยกัน เจนนิงส์ถูกพวกบริษัทออลคอมตามล่าอีกแต่ก็หนีรอดมาได้ด้วยกุญแจห้องควบคุมไฟ ก่อนออกมาเจนนิงส์วางยาเครื่องทำนายอนาคตโดยซ่อนชิปไวรัสไว้ เรททริคมั่นในว่าเจนนิงส์ต้องติดต่อเรเชล เลยค้นห้องเรเชลก็พบข้อความนัดหมายที่เจนนิงส์ทิ้งไว้ที่กระจกห้องน้ำ เรททริคใช้คนอื่นปลอมตัวเป็นเรเชลไปหลอกเจนนิงส์ แต่เจนนิงส์รู้ทัน เรเชลตัวจริงมาพอดี เจนนิงส์กับเรเชลหนีโดยใช้กุญแจมอเตอร์ไซค์ที่เจนนิงส์ทิ้งไว้ เรเชลเอาวิดีโอที่เคยถ่ายด้วยกันให้เจนนิงส์ดูเพราะเจนนิงส์จำอะไรไม่ได้ เจนนิงส์วางแผนจะกลับไปทำลายเครื่องทำนายอนาคต เรททริคแกล้งปล่อยให้เจนนิงส์กับเรเชลผ่าไปได้เพราะต้องการให้เจนนิงส์ซ่อมเครื่องให้เสร็จก่อน เจนนิงส์ใช้เครื่องครั้งสุดท้ายเห็นอนาคตตัวเองจะถูกยิงตกจากที่สูง เลยซ้อนแผนเอาลูกกระสุนไปผูกไว้กับเครื่องอัดไนโตรเจนที่จะยิงเป็นเวลา สุดท้ายเรททริคตาย เจนนิงส์กับเรเชลหนีรอดไปได้ เรเชลมาทำเรือนเพราะชำปลูกต้นไม้ เพื่อนเจนนิงส์เอานกของเรเชลมาให้ เจนนิงส์นึกได้ถึงของในซองที่บอกใบ้ว่าใต้กรงนกมีลอตเตอรีที่ถูกรางวัล 90 ล้านที่เจนนิงส์เตรียมไว้ก่อนจะเปลี่ยนสัญญาขอรับแค่ของในซองแทนค่าจ้าง